ReadyPlanet.com


กำหนดหลักประกันความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี


 

ถาม-ตอบ เรื่องกำหนดหลักประกันความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี 
 
 

คำถามและคำตอบเกี่ยวกับกฎกระทรวง
เรื่อง  กำหนดหลักประกันความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี

1.  คำถาม   ผู้ใดต้องจัดให้มีหลักประกัน
     คำตอบ  เฉพาะนิติบุคคล  ซึ่งประกอบกิจการให้บริการด้านการสอบบัญชีหรือด้านการทำบัญชี  ให้บริการวิชาชีพบัญชีด้านอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา  9 เท่านั้น  คือ
1.  นิติบุคคลรายใหม่  ที่จะยื่นจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชี  ต้องจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันมาพร้อมกัน
2.  นิติบุคคลที่จดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีอยู่แล้ว  ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ  (27 พฤษภาคม 2553)ให้จัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ (ภายใน 27 กรกฎาคม 2553)
กรณีที่นิติบุคคลให้บริการด้านการทำบัญชีหรือด้านการสอบบัญชีให้กับบริษัทในเครือ  โดยทำในนามของนิติบุคคลนั้นมีรายได้จากการให้บริการดังกล่าว  เช่นนี้ถือว่าเข้าเครือข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรา  11  ด้วย

2.  คำถาม    ประโยชน์ของการจัดให้มีหลักประกัน
   คำตอบ    1.เพื่อเป็นไปตามเจตนารมณ์ของมาตรา  11  แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี  พ.ศ. 2547
                     2.เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่บุคคลผู้ใช้บริการวิชาชีพบัญชี
                     3.เพื่อให้ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังมากขึ้น

3.  คำถาม   นิติบุคคลจะแจ้งหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีด้วยวิธีการใด
      คำตอบ   ใช้แบบคำขอแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม (แบบสวบช. 5.3)  พร้อมแนบหลักฐานดังต่อไปนี้
                      1.สำเนาหลักประกัน
                      2.สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ไม่เกิน 1 เดือน
                      3.หนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนนิติบุคคล
                      (เฉพาะกรณีที่กรรมการไม่สามารถลงนามในแนบ  สวบช. 5.3 ได้)
                      4.สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว  (ถ้ามี)
                     เตรียมแบบสวบช.  5.3  พร้อมหลักฐาน  จำนวน  2  ชุด  และชำรพค่าดำเนินการ  จำนวน  400  บาทและยื่นแบบสวบช.  5.3  และหลักฐาน  ได้ที่  ที่ทำการสภาวิชาชีพบัญชีฯ  ถนนสุขุมวิท21(อโศก) หรือ ส่งทางไปรษณีย์ 
                     มายังสภาวิชาชีพบัญชีฯ เลขที่ 133 ถนนสุขุมวิท21(อโศก)  แขวงคลองเตยเหนือ  เขตวัฒนา  กรุงเทพฯ  10110  หรือ  ส่งที่สำนักงานสาขาสภาวิชาชีพบัญชีฯ
                     สำหรับการจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีครั้งแรกนิติบุคคลต้องจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันภายในวันที่ 27 กรกฎาคม 2553 นี้  ส่วนการ   จัด ให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกัน ครั้งต่อไป ให้ดำเนินการภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันสิ้นรอบบัญชีทุกปีของแต่ละนิติบุคคล

4.  คำถาม   หน่วยลงทุนในกองทุน หุ้น หรือตราสารต่างๆ ใช้เป็นหลักประกันได้หรือไม่
     คำตอบ  ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ประเภทของหลักประกันตามกฎกระทรวง ข้อ  3

5.  คำถาม   ทุน ในความหมายตามข้อ  2  ของกระทรวงฉบับนี้ หมายถึง  ทุน ของบริษัทที่ให้บริการทำบัญชีหรือสอบบัญชีใช่หรือไม่
     คำตอบ   1.ทุนจดทะเบียนของบริษัทจำกัด  ที่บริษัทจำกัดยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ของบริษัทจำกัดที่ให้บริการทำบัญชีหรือสอบบัญชี
                      2.ทุนชำระแล้วของบริษัทมหาชน

6.  คำถาม   กรณีเปลี่ยนแปลงประเภทหลักประกัน  นิติบุคคลต้องดำเนินการอย่างใด
      คำตอบ   กรณี เปลี่ยนแปลงประเภทของหลักประกันในระหว่างรอบปีบัญชี  ให้นิติบุคคลแจ้งการเปลี่ยนแปลงประเภทของหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง  โดยใช้แนบ  สวบช. 5.4  คำขอแจ้งเปลี่ยนแปลงประเภทของหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สาม  พร้อมแนบหลักฐานดังต่อไปนี้
                     1.สำเนาหลักประกัน
                     2.สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ไม่เกิน 1 เดือน
                     3.หนังสือมอบอำนาจให้กระทำการแทนนิติบุคคล   (ถ้ามี)
                     4.สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว  (ถ้ามี)
                     เตรียมแบบสวบช.  5.3  พร้อมหลักฐาน  จำนวน  2  ชุด  และชำรพค่าดำเนินการ  จำนวน  400  บาทและยื่นแบบสวบช.  5.3  และหลักฐาน  ได้ที่  ที่ทำการสภาวิชาชีพบัญชีฯ  ถนนสุขุมวิท21(อโศก) หรือ ส่งทางไปรษณีย์  มายังสภาวิชาชีพบัญชีฯ เลขที่ 133 ถนนสุขุมวิท21(อโศก)  แขวงคลองเตยเหนือ  เขตวัฒนา  กรุงเทพฯ  10110  หรือ  ส่งที่สำนักงานสาขาสภาวิชาชีพบัญชีฯ

7.  คำถาม  วิธีการแสดงรายการในงบการเงินเกี่ยวกับหลักประกันต้องแสดงอย่างไร  นิติบุคคลต้องเปิดเผยในงบการเงินหรือไม่       
     คำตอบ     การแสดงรายการงบการเกี่ยวกับหลักประกันให้แสดงไว้ในส่วนของรายการสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนภายใต้หัวข้อ    
สินทรัพย์ที่มีภาระผูกพัน  ซึ่งจะต้องอ้างอิงกับหมายเหตุประกอบงบการเงินที่จะต้องอธิบายรายละเอียดของ   หลักประกันตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวง

8.  คำถาม   กรณีเพิ่มหรือลดของทุนหรือรายได้ในระหว่างรอบปีบัญชีต้องแจ้งหลักประกันใหม่หรือไม่
     คำตอบ   การเพิ่มทุนหรือลดทุนของนิติบุคคลในระหว่างรอบบัญชีที่ไม่กระทบต่อจำนวนหลักประกันที่นิติบุคคลได้จัดให้มี
แล้วปีบัญชีนั้น  โดยไม่ต้องแจ้งต่อสภาฯ

9.  คำถาม   กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพบัญชี ที่จะนำมาเป็นหลักประกันความรับผิดต่อบุคคลที่ 3 มีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติมที่จะต้องนำมาพิจารณา เช่น ต้องเป็นกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพบัญชีของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้เท่านั้น  หรือไม่
   คำตอบ
   ใช่  ทั้งนี้ นิติบุคคลสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้จาก  สำนักงาน  คปภ. เกี่ยวกับบริการดังกล่าว

 

 

10.   คำถาม   กรณีบริษัทมีกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดชอบทางวิชาชีพบัญชีของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี  หากบริษัทมีรายได้จากสอบบัญชีและทำบัญชีทั้งสิ้น 10 ล้านบาท หลักประกันร้อยละ 3  เป็นจำนวนเงิน  300,000 บาท ถ้าบริษัทจ่ายเบี้ยประกัน  100,000 บาท จำนวนเงินทุนประกันตามกรมธรรม์ 8 ล้านบาท ถือว่าหลักประกันเพียงพอตามข้อ4 ของกฎกระทรวง ใช่หรือไม่
       คำตอบ
  ใช่ ถือว่าเพียงพอตามข้อ4 ของกฎกระทรวง

11.  คำถาม  กรณีที่มีการต่ออายุกรรมธรรม์ในระหว่างรอบปีบัญชีต้องทำอย่างไร
คำตอบ  กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนประเภทหลักประกัน  ให้นิติบุคคลแจ้งการเปลี่ยนแปลงของหลักประกันต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง

12.  คำถาม   การให้บริการวิชาชีพบัญชีด้านอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 คืออะไร
       คำตอบ
  ขณะนี้ยังไม่มีพระราชฎีกากำหนดวิชาชีพอื่น มีเพียงวิชาชีพการทำบัญชีและสอบบัญชีเท่านั้น

13.  คำถาม  รายได้ค่าที่ปรึกษาภาษีอากร ที่ปรึกษากฎหมาย ถือเป็นรายได้จากการทำบัญชีหรือสอบบัญชีหรือไม่
       คำตอบ
   ไม่ใช่

14.  คำถาม   นิติบุคคลมีธุรกิจหลายประเภท  เช่น  ผลิตสินค้า  ให้บริการ  และรับทำบัญชีด้วย  ต้องจดทะเบียนหรือไม่
คำตอบ   หากนิติบุคคลมีรายละเอียดวัตถุในการประกอบกิจการให้บริการด้านการสอบบัญชี  หรือด้านการทำบัญชีตามที่ยื่นจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  นิติบุคคลนั้นก็ต้องจดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีด้วยตามมาตรา 11  แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2547  และจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกัน

15. คำถาม  นิติบุคคลที่ให้บริการทั้งทำบัญชีและสอบบัญชี  ต้องคำนวณหลักประกันอย่างไร
      คำตอบ
  ต้องนำรายได้ทั้งทำบัญชีและสอบบัญชีมารวมกันและพิจารณาว่ารายได้หรือทุนมากกว่า จึงคำนวณร้อยละ3 จากรายการนั้น

16. คำถาม   หากใช้การคำนวณหลักประกันจากรายได้ของรอบปีที่ผ่านมา  แต่นิติบุคคลจะจัดทำหลักประกันมากกว่าร้อยละ3 ได้หรือไม่
      คำตอบ
   ได้

17. คำถาม   หากรายได้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละปี บัญชีเงินฝากที่ใช้เป็นหลักประกันสามารถใช้บัญชีเงินฝากเดิม  แต่เพิ่มจำนวนเงิน หรือลดจำนวนเงินได้หรือไม่ หรือต้องเปิดบัญชีใหม่
       คำตอบ
   ใช้บัญชีเงินฝากเดิม หรือจะเปิดบัญชีใหม่ก็ได้

18. คำถาม    หากนิติบุคคลปิดงบไม่ทันภายใน 60 วัน จะต้องนำหลักฐานใดสำหรับการจัดให้มีหลักประกัน
      คำตอบ
    บริษัทต้องรวบรวมรายได้  จากใบเสร็จ หรือรายการรับชำระที่ได้จากการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านการสอนบัญชี   
      หรือด้านการทำบัญชี โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันปิดงบ

19. คำถาม   ประเภทของหลักประกันของบัตรเงินฝากเป็นของบุคคล  หรือกรรมการผู้มีอำนาจลงนามได้หรือไม่
      คำตอบ 
 ไม่ได้  ต้องเป็นชื่อของนิติบุคคลเท่านั้น

20. คำถาม   มีหลักเกณฑ์การลดหลักประกันหรือไม่
      คำตอบ
  การลดหรือเพิ่มหลักประกันต้องพิจารณาถึงรายได้หรือทุนหลังจากวันสิ้นรอบปีบัญชีของทุกปี

21. คำถาม   หนังสือค้ำประกันของธนาคาร (Bank Guarantee) ถือเป็นหลักประกันได้หรือไม่ และผู้ใดเป็นผู้รับผลประโยชน์
      คำตอบ 
  ไม่ถือเป็นหลักค้ำประกัน  ตามประเภทที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง

22. คำถาม   นิติบุคคลจะถอนหลักประกันที่แจ้งไว้ต่อสภาฯ ได้หรือไม่
       คำตอบ
   ไม่ได้  เพราะนิติบุคคลต้องดำรงหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลที่สามตลอดระยะเวลาประกอบกิจการ    
                      ตามกฎกระทรวง ข้อ5 หากฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามย่อมมีความผิดตามมาตรา 66

23. คำถาม   นิติบุคคลได้ทำประกันไว้กับบริษัทประกันภัยในต่างประเทศอยู่แล้ว จะใช้ได้หรือไม่
       คำตอบ
   กฎกระทรวงไม่ได้กำหนดเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยไว้ แต่ควรเลือกทำประกันกับบริษัทในประเทศจะได้รับความคุ้มครองมากกว่า เพราะสำนักงาน คปภ. เป็นผู้กำกับดูแลบริษัทประกันภัยในประเทศ หากเป็นบริษัทประกันภัยในต่างประเทศ หากเกิดความเสียหายอาจเกิดปัญหาในการเรียกร้องสินไหมทดแทน

24. คำถาม  กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีการขยายเวลายื่นงบการเงินได้ สภาวิชาชีพบัญชีจะขยายเวลาผ่อนผันการแจ้งหลักประกันหรือไม่
       คำตอบ 
 การขยายเวลาการยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  เป็นอำนาจของอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพิจารณาสั่งให้ขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลาออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีได้ตาม 11  แห่งพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ส่วนกฎกระทรวงกำหนดความรับผิดต่อบุคคลที่สามของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2553 ประกอบพระราชบัญญัติวิชาชีพพ.ศ.2547 ไม่ได้กำหนดให้วิชาชีพบัญชี หรือกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจพิจารณาขยายเวลาผ่อนผันการแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันได้

25. คำถาม   การจัดให้มีหลักประกันร้อยละ3 นั้น จะต้องจัดสะสมไว้แต่ละปี หรือ เป็นการคงหลักประกันไว้ที่ร้อยละ3 ของทุนหรือรายได้ในรอบปีที่ผ่านมาเท่านั้น
      คำตอบ
   ไม่มีการสะสมหลักประกันในแต่ละวันสิ้นรอบปีบัญชี แต่ต้องคำนวณใหม่เพื่อจัดให้มีหลักประกันและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับหลักประกันใหม่ หากมีการเพิ่มทุนหรือลดทุน  หรือรายได้เพิ่มขึ้นหรือรายได้ลดลง ในแต่ละวันสิ้นรอบปีบัญชี

26. คำถาม  นิติบุคคลมีรายได้ลดลงจากปีก่อน  ต้องจัดให้มีหลักประกันร้อยละ3 จากทุนจดทะเบียนใช่หรือไม่
      คำตอบ 
 หากรายได้ลดลงจนน้อยกว่าทุนจดทะเบียน ให้คำนวณร้อยละ3 ของทุนจดทะเบียน

27. คำถาม   นิติบุคคลมีเงินฝากประจำไม่เพียงพอ จะใช้หลักประกันประเภทอื่นร่วมด้วยได้หรือไม่
      คำตอบ
  ได้ ตามกฎกระทรวงข้อ3

28. คำถาม  นิติบุคคลมีเงินฝากประจำประเภท 1 ปีอยู่แล้ว สามารถนำบัญชีที่มีอยู่มาใช้เป็นหลักประกันได้หรือไม่หรือต้องเปิดบัญชีใหม่แยกอีก1 บัญชี
       คำตอบ 
 ได้ หากบัญชีเงินฝากดังกล่าวเปิดบัญชีในนามของนิติบุคคลนั้นๆ

29. คำถาม   ในกรณีวงเงินในบัตรเงินฝากสูงกว่าวงเงินหลักประกัน จะมีวิธีการแยกเฉพาะส่วน หรือ กำหนดวงเงินประกันสำหรับบัตรเงินฝากแยกต่างหากออกจากกันอย่างไร
       คำตอบ
   ให้ถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงข้อ4 กล่าวคือ จำนวนของหลักประกันตามข้อ3(2)(3)และ(4)ให้ถือตามจำนวนเงินที่ปรากฏในตราสารนั้น ส่วนหลักประกันตามข้อ 2(5) ให้ถือตามจำนวนเงินซึ่งเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
  

 



ผู้ตั้งกระทู้ admin :: วันที่ลงประกาศ 2015-08-31 23:28:24


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล