108 ประเด็นความผิด ภาษีนิติบุคคล (จบ)
ReadyPlanet.com
dot

dot
dot
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot
ยังไม่มีสมาชิกที่ล็อกอินในขณะนี้
bulletบุคคลทั่วไป 5 คน
dot
dot

dot
สมาชิกใหม่ขณะนี้ คน


ตะแกรงเหล็กฉีกสตีลเมทัล
http://www.smlaudit.com/SMLaudit.html


108 ประเด็นความผิด ภาษีนิติบุคคล (จบ)

 108 ประเด็นความผิด ภาษีนิติบุคคล (จบ)

เรื่องของประเด็นความผิด - ภาษีเงินได้นิติบุคคลมีอยู่มากมายจาระไน 3 วัน 3 คืน ก็ไม่จบแต่เนื่องจากข้อจำกัดของเนื้อที่และความเหมาะสมของเวลา จึงขอจบเนื้อหาไว้เพียง 5 ตอน
 
สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจ เนื้อหาใน 4 ตอนแรก กรุณา Click ไปที่ Website ของสถาบันภาษี & ธุรกิจ TaxBiz www.Taxbiz.co.th เช่นเดิม นะครับ !!
ซึ่งแต่ละกรณีต่างก็มีแง่มุมภาษีหลายประเภท ทั้งในเรื่องของภาษีเงินได้นิติบุคคล VAT และภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นต้น ข้อเขียนวันนี้ จึงขอเน้นไปที่ประเด็นความผิดเกี่ยวกับ “สินค้าคงเหลือ” พอสังเขปดังนี้
11. การตรวจนับและตีราคาสินค้าคงเหลือ
11.1 แนวคิด/หลักการ
การตรวจนับสินค้าคงเหลือ ถือเป็นรายการบังคับที่ผู้สอบบัญชีจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการลงชื่อรับรองงบการเงินของบริษัท
แนวปฏิบัติทั่วไปของการตรวจนับและตีราคาสินค้าคงเหลือ ก็คือจะต้องจัดแยกประเภทสินค้าไว้เป็นหมวดหมู่ และตีราคาสินค้าเสื่อมคุณภาพ/ล้าสมัยด้วย ซึ่งผลลัพธ์จากการตรวจนับและตีราคาสินค้า / ทรัพย์สิน สรุปได้ดังตาราง
รายการ ตีราคาลดลง ตีราคาเพิ่มขึ้น
หลักภาษีอากร หลักการบัญชี หลักภาษีอากร หลักการบัญชี
1. สินทรัพย์ ไม่ถือเป็นรายจ่าย (ม.65 ตรี (17)) บันทึกเป็นรายจ่าย ไม่ถือเป็นรายได้ (ม.65 ทวิ (3)) เป็นส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ (Capital Surplus)
2. สินค้า ตีราคาตาม Lower of Cost or Market Value (Net Realizable Value) มาตรา 65 ทวิ (6)
2.1 กรณีสินค้าเสื่อมคุณภาพ ล้าสมัย หมดอายุฯลฯ ปฏิบัติเช่นเดียวกับ GAAP ทุกประการ บันทึกมูลค่าที่ลดลงเป็นรายจ่ายได้
2.2 รอบบัญชีต่อมาสินค้า ดังกล่าวกลับมีราคา สูงขึ้น - - ปฏิบัติเช่นเดียวกับ GAAP ทุกประการ บันทึกมูลค่าส่วนที่เพิ่มเป็นรายได้
11.2 ปัญหา
กรณีบริษัท มีการลงทุนในหลักทรัพย์ กรมสรรพากรได้วางหลักเกณฑ์ไว้ ดังนี้
(1) หลักทรัพย์ที่ซื้อมาเพื่อค้า (Trading Portfolio) ซึ่งในกรณีที่มีการตีราคาต่ำกว่าทุน ณ วันสุดท้ายของรอบบัญชี กรณีย่อมสามารถนำผลต่าง (Devaluation of asset) มาถือเป็นรายจ่ายทางภาษีได้
(2) หลักทรัพย์ที่ซื้อมาเพื่อการลงทุน (Investment Portfolio) หากมีการตีราคาต่ำลง จะนำส่วนต่าง มาถือเป็นรายจ่ายเพื่อการรัษฎากรไม่ได้
11.3 วิธีแก้ไข
(1) ให้หลีกเลี่ยงการตรวจนับสินค้าขาด/เกินจากสต็อก เพราะจะมีบทลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญา
(2) กรณีเปลี่ยนหลักเกณฑ์การตีราคาสินค้าคงเหลือปลายงวด เช่น จากวิธี FIFO เป็น Weighted Average Method หากมิได้ยื่นคำร้องขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากร ก็สามารถเปลี่ยนเกณฑ์เฉพาะในงบการเงิน ส่วนในแบบ ภ.ง.ด. 50 ยังคงคำนวณแบบ FIFO ตามปกติได้
11.4 การตรวจนับ/ตีราคาทรัพย์สิน
ต่อเนื่องจากประเด็นข้างต้นก็คือ “การตีราคาทรัพย์สิน” ซึ่งเป็นธรรมเนียมทางธุรกิจและระบบการควบคุมภายในที่ดีเช่นกัน ที่บริษัทจะต้องทำการสำรวจ/ตรวจนับ/และตีราคาทรัพย์สินของตนเป็นระยะ ๆ ตามแต่กรณี เช่น ทุก 1,3,5 ปี เป็นต้น โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทรัพย์สิน/ภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวน เช่น ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 และกรณีของภาวะดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามตกลงจากระดับ 1,000 จุด ลงมาเหลือเพียง 300 จุดเศษในปัจจุบัน ทำให้ราคาทรัพย์สิน/อสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูล/ราคาแท้จริงของสินทรัพย์ดังกล่าวไว้ในงบการเงินเพื่อให้นักลงทุนทราบ
สินทรัพย์ คืออะไร? ประมวลรัษฎากรมิได้มีการให้นิยามไว้เป็นพิเศษ กรณีจึงต้องถือเอาความหมายตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 137 และ 138 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) เป็นเกณฑ์
‘ทรัพย์’ ตาม ป.พ.พ. หมายถึง วัตถุมีรูปร่าง
‘ทรัพย์สิน’ หมายความว่า ทรัพย์และวัตถุที่ไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและถือเอาได้ อาทิ สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ บัตรสัมปทาน เป็นต้น
ประเด็นถัดมาก็คือ “ทำไมจึงต้องตีราคาสินทรัพย์?” ซึ่งคงต้องอธิบายโดยอิงแนวคิดตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 32 (การบัญชีเกี่ยวกับที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์) และฉบับที่ 36 (เรื่อง การด้อยค่าของสินทรัพย์)
แนวคิดของมาตรฐานการบัญชี # 32 กำหนดว่าในกรณีที่มีกิจการเลือกแสดงมูลค่าสินทรัพย์ด้วยวิธีราคาที่ตีใหม่ กิจการจะต้องมีการตีราคาทรัพย์สินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสะท้อนมูลค่าที่ถูกต้อง
กรณีตีราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ให้บันทึกมูลค่าส่วนเพิ่มเป็น ‘ส่วนเกินทุนจากการ ตีราคาสินทรัพย์ (Capital Surplus)’ เว้นแต่ทรัพย์สินนั้นเคยมีการตีราคาลดลงและรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในงวดก่อนแล้ว จึงจะรับรู้ส่วนที่ตีราคาเพิ่มขึ้นใหม่นี้เป็นรายได้ ไม่เกินจำนวนที่เคยรับรู้รายจ่ายไว้ (วรรค 36 GAAP # 32)
กรณีตีราคาสินทรัพย์ลดลง (Devaluation of asset) ให้รับรู้มูลค่าที่ลดลงเป็นรายจ่ายในงบกำไรขาดทุน เว้นแต่ทรัพย์สินนั้นเคยปรับมูลค่าเพิ่มขึ้นมาแล้ว ก็ให้นำส่วนที่ตีราคาลดลงดังกล่าวไปหักออกจาก ‘ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์’ ได้ไม่เกินจำนวนซึ่งเคยตีราคาเพิ่มขึ้นนั้นก่อน (วรรค 37 GAAP # 32) ซึ่งแนวทางปฏิบัติดังกล่าว จะสอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชี # 36 เรื่อง การด้อยค่าของสินทรัพย์ด้วย
อย่างไรก็ตาม แนวทางของประมวลรัษฎากรได้บัญญัติหลักเกณฑ์การตีราคาสินทรัพย์ไว้ แตกต่างจากมาตรฐานการบัญชี # 32 และ # 36 ข้างต้น นั่นคือกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตีราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้น จะไม่ถือมูลค่าส่วนเพิ่มเป็นรายได้ (มาตรา 65 ทวิ (3)) ในทางตรงข้ามหากมีราคาสินทรัพย์ลดลง ก็ไม่ถือมูลค่าส่วนที่ลดลงเป็นรายจ่ายเช่นกัน (มาตรา 65 ตรี (17))
 
เรื่อง : อมรศักดิ์ พงศ์พศุตม์
 
ที่มา  http://www.nationejobs.com/content/legal/taxclinic



SMEs ใต้เงาภาษีไทย

ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างไรให้ได้คืนเร็ว
รายจ่ายที่หักได้เพิ่มขึ้น (4)
รายจ่ายที่หักได้เพิ่มขึ้น (3)
รายจ่ายที่หักได้เพิ่มขึ้น (2)
รายจ่ายที่หักได้เพิ่มขึ้น (1)
หลักเกณฑ์รายจ่ายทางภาษีอากร
รายจ่ายในการดำเนินกิจการ
รายจ่ายต้องห้ามโดยผลของกฎหมาย
108 ประเด็นความผิด ภาษีนิติบุคคล (4)
108 ประเด็นความผิด ภาษีนิติบุคคล (3)
108 ประเด็นความผิด ภาษีนิติบุคคล (2)
108 ประเด็นความผิด ภาษีนิติบุคคล (1)
SMEs ใต้เงาภาษีไทย. (จบ)
SMEs ใต้เงาภาษีไทย. (3)
SMEs ใต้เงาภาษีไทย. (2)