ผู้ทำบัญชี
|
|||||||||
ผู้ทำบัญชี คือ ผู้รับผิดชอบในการทำบัญชีของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีไม่ว่าจะกระทำในฐานะลูกจ้างของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีหรือไม่ก็ตาม ได้แก่บุคคลต่อไปนี้ (1) กรณีเป็นพนักงานของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ได้แก่ - ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี สมุห์บัญชี หัวหน้าแผนกบัญชี หรือผู้ดำรงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว (2.) กรณีเป็นสำนักงานบริการรับทำบัญชี คือ - หัวหน้าสำนักงาน กรณีสำนักงานมิได้จัดตั้งในรูปคณะบุคคล - ผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งรับผิดชอบในการให้บริการรับทำบัญชีกรณีสำนักงานจัดตั้งในรูปคณะบุคคล - กรรมการหรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งรับผิดชอบในการให้บริการรับทำบัญชี กรณีสำนักงานจัดตั้งในรูปนิติบุคคล (3) กรณีเป็นผู้รับจ้างทำบัญชีอิสระ คือ ผู้ประกอบวิชาชีพ (4) ผู้ช่วยผู้ทำบัญชี (ในกรณีที่ “ผู้ทำบัญชี” รับทำบัญชีเกินกว่า 100 ราย ตามประกาศกรมทะเบียนการค้า เรื่อง กำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี พ.ศ.2543 ข้อ 7(3)) หน้าที่ของผู้ทำบัญชี - จัดทำบัญชีเพื่อให้แสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงินหรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของ “ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี” ที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบัญชีโดยมีเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วน (ม.20) - ลงรายการบัญชีเป็นภาษาไทย หากลงรายการเป็นภาษาต่างประเทศให้มีภาษาไทยกำกับ หรือลงรายการเป็นรหัสบัญชีให้มีคู่มือคำแปลรหัสบัญชีที่เป็นภาษาไทยไว้ (ม.21(1)) - เขียนด้วยหมึก ดีดพิมพ์ หรือตีพิมพ์ หรือทำด้วยวิธีอื่นใดที่ได้ผลในทำนองเดียวกัน (ม.21(2))
การแจ้งเป็นผู้ทำบัญชี ผู้ทำบัญชีที่มีคุณสมบัติตาม ม.7(6) แห่ง พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 ต้องแจ้งการเป็นผู้ทำบัญชีที่สำนักกำกับดูแลธุรกิจหรือสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด ตามที่อยู่หรือสถานที่ทำงานของผู้แจ้งเพียงแห่งเดียว ตามแบบ ส.บช.5 พร้อมหลักฐาน ภายใน 60 วันนับแต่วันที่เริ่มทำบัญชี การแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้ทำบัญชีและการแจ้งการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพในทุกรอบสามปี กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดบริการให้ผู้ทำบัญชีสามารถแจ้งเพิ่ม ยกเลิกธุรกิจที่รับทำบัญชี และแจ้งการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพในทุกรอบสามปีทาง Internet ได้ด้วยตนเองซึ่งจะทำให้ผู้ทำบัญชีไม่ต้องส่งแบบแจ้งเพิ่ม ยกเลิกธุรกิจที่รับทำบัญชี และแบบแจ้งการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพจะช่วยให้เกิดความสะดวกมากขึ้น โดยผู้ทำบัญชีต้องกรอกข้อมูลในแบบแจ้งความประสงค์ฯ เพื่อรับหมายเลขผู้ใช้ (User ID) และรหัสผ่าน (Password) กับกรมพัฒนาธุรกิจ- การค้าก่อน ซึ่งท่านสามารถพิมพ์แบบแจ้งความประสงค์ฯ ได้โดยเข้าไปที่ www.dbd.go.th เลือกบริการกรม เลือกงานบัญชีและสอบบัญชีบัญชี เลือกแบบพิมพ์ตามพระราชบัญญัติการบัญชีและจัดส่งแบบแจ้งความประสงค์ไปที่ สำนักกำกับดูแลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เลขที่ 44/100 ถนนนนทบุรี1 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 (งานกำกับผู้ทำบัญชี) จึงจะสามารถดำเนินการได้ การแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้ทำบัญชีในกรณีอื่น เช่น การแจ้งเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เปลี่ยนคุณวุฒิการศึกษา ฯลฯ ให้ผู้ทำบัญชีแจ้งเป็นเอกสารตามแบบส.บช.6 โดยแนบเอกสารสำคัญ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องตามหลักเกณฑ์เดิมที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ การแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้ทำบัญชีต้องแจ้งภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพทุกรอบสามปี ผู้ทำบัญชีต้องเข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพในทุกรอบสามปี โดยในแต่ละรอบต้องมีจำนวนชั่วโมงไม่น้อยกว่า 27 ชั่วโมงและต้องเป็นกิจกรรมที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมงซึ่งในแต่ละปีผู้ทำบัญชีจะต้องเข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงและการนับจำนวนชั่วโมงทุกรอบระยะเวลาสามปีให้นับตามปีปฏิทิน โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2548เป็นต้นไป ในกรณีที่ผู้ทำบัญชีแจ้งการเป็นผู้ทำบัญชีต่ออธิบดี หลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2548 ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ของปีถัดจากปีที่ผู้ทำบัญชีแจ้งการเป็นผู้ทำบัญชีเป็นต้นไป ทั้งนี้ ในรอบระยะเวลา แรกผู้ทำบัญชีสามารถนำชั่วโมงที่เข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ ตั้งแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ หรือตั้งแต่วันที่แจ้งการเป็นผู้ทำบัญชีต่ออธิบดีภายหลังวันที่ 10 สิงหาคม 2547 แล้วแต่กรณี ไปนับรวมกับชั่วโมงในรอบระยะเวลาแรกได้ การแจ้งรายละเอียดการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพของผู้ทำบัญชี ให้ผู้ทำบัญชีแจ้งภายในหกสิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทินของทุกปี โดยผู้ทำบัญชีต้องจัดเก็บหลักฐานการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีไว้กับตนเองเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันสิ้นปีปฏิทินของวันที่สิ้นสุดการอบรม การสมัครเป็นสมาชิกหรือขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชี ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2547 มาตรา 44 ได้กำหนดว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพเป็นผู้ทำบัญชี เว้นแต่เป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี หรือ ขึ้นทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชี” ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ผู้ทำบัญชีต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ขึ้นอยู่กับคุณวุฒิการศึกษาหากสมัครเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี ผู้ทำบัญชีจะมีสิทธิที่จะเข้าประชุมสภาวิชาชีพบัญชี มีสิทธิเลือกนายกสภาวิชาชีพบัญชี มีสิทธิรับเลือกตั้ง และรับแต่งตั้ง แต่การขึ้นทะเบียน ผู้ทำบัญชีจะไม่ได้รับสิทธิดังกล่าว ดังกล่าว ผู้ทำบัญชีสามารถติดต่อกับสภาวิชาชีพบัญชีได้ที่ www.fap.or.th โทรศัพท์ 026688071-4,026688535-8 |