ทุกวันนี้เจ้าของกิจการหลายๆราย กำลังตกอยู่ในสถานการณ์การแข่งขันที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อน หลายคนเคยทำธุรกิจแบบสบายๆ ไม่มีคู่แข่งมากนัก หรืออีกนัยหนึ่ง มีคนขายน้อยกว่าคนซื้อ ทำให้คนขาย ไม่ต้องเหนื่อยมากนัก แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป คนขายเยอะขึ้นมาก ในขณะที่คนซื้อเพิ่มขึ้นนิดหน่อย คนขายก็ต้องปรับตัวตามสถานการณ์ แต่จะปรับไปในทิศทางใด
การปรับตัว และคิดค้นหาวิธีการมาต่อสู้ในยุทธจักรการค้ามีมากมาย แต่ไม่ว่าผู้กุมบังเหียนของธุรกิจนั้นจะเลือกกระบวนท่าใดเพื่อต่อสู้กับคู่แข่ง สิ่งหนึ่งที่จำเป็นเสมอมานั่นคือ ข้อมูลทางบัญชีของกิจการตนเอง (บางคนแอบนึกในใจ รู้ของคู่แข่งด้วยก็ดี)
ข้อมูลดี เหมือนมีอาวุธอยู่ในมือ
ว่าแต่ว่า ข้อมูลทางบัญชีมีความสำคัญอย่างไร
พูดไปก็เหมือนเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เจ้าของกิจการส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่า ข้อมูลตัวเลขบัญชีสำคัญอย่างไรบ้างพูดว่าข้อมูลทางบัญชี จริงแล้ว มันออกจะกว้างมากเพราะรวมหลายๆเรื่องไว้ด้วยกัน อย่างน้อยเจ้าของก็อยากรู้ว่า สินค้าที่เราขายๆอยู่ทุกวันนี้ มีต้นทุนกี่บาท ขายไปแล้ว กำไรต่อชิ้นเป็นเท่าไร สินค้าตัวไหนขายแล้วได้กำไรดีที่สุดในร้าน จะได้เน้นขายให้มากขึ้นไปอีก
เจ้าของยิ่งอยากรู้ว่า ลูกค้าที่เราขายเงินเชื่อออกไปนั้น จ่ายเงินเรามาครบหรือยัง เหลือค้างอยู่เท่าไร ค้างเงินเรานานหรือยังนี่ จะได้ตามทวงถูก ตอนกิจการยังไม่ใหญ่มากนั้นลูกค้าไม่กี่ราย เจ้าของยังพอจำเองได้เลาๆ แต่พอกิจการใหญ่โตขึ้นนี่ซิ ชักจะจำไม่หมด ประเดี๋ยวมีของเสียส่งคืนขอให้เราลดหนี้ ประเดี๋ยวเปลี่ยนเอาของใหม่แพงขึ้น เราต้องเพิ่มหนี้ เยอะแยะแบบนี้จำไม่ไหว ทำอย่างไรดี อืม ต้องจดบัญชีไว้
นอกจากนี้เจ้าของยังอยากรู้ว่า สินค้าที่เราซื้อมานั้น เราจ่ายเงินค่าสินค้าไปเท่าไรแล้ว ระวังว่าจ่ายแล้วลืม และไปจ่ายซ้ำซ้อนหรือเปล่า เอ๊ะ ยังเหลือยอดเงินติดค้างที่ยังไม่ได้จ่ายอีกเท่าไรกันแน่
เวลาที่ลูกค้าสั่งซื้อสินค้า เจ้าของก็คงอยากจะรู้ และตอบลูกค้าได้ทันที ว่ามีของอยู่ใน สต๊อก พร้อมส่งหรือเปล่า จะได้รีบส่ง รีบขาย รักษาลูกค้า และได้เงินด้วย
เจ้าของคงอยากรู้ว่า ตอนนี้เรามีเงินในกระเป๋าทั้งหมดเท่าไรแล้ว ตั้งแต่เริ่มลงทุนขายของวันแรก จนมาถึงวันนี้ ค้าขายมาก็หลายปีอยู่ เงินทองเรางอกเงยขึ้นมากี่มากน้อยกันละนี่ ตกลงแล้วยิ่งขายยิ่งรวย หรือยิ่งขายยิ่งกินเนื้อ เมื่อเจ้าของพบว่า โอ้โห เงินทองเพิ่มขึ้นมากมายกว่าเดิมเยอะ สบายใจ แต่จะเอาไปลงทุนทำอะไรให้มันงอกเงยต่อดีนะ ในบางทีเจ้าของพบว่า เฮ้ยๆๆ เดือนนี้เงินไม่พอ ขาดอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ดีนะที่รู้ก่อน ต้องรีบคิด จะไปกู้หรือไปยืมที่ไหนดี ฯลฯ เหตุการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมานี้ เกิดขึ้นได้เสมอ แล้วเจ้าของจะรู้ได้จากไหน ถ้าไม่ใช่ตัวเลขทางบัญชีบอกมา
เจ้าของควรรู้ข้อมูลบัญชีของตนเอง เหมือนการออกรบที่ต้องรู้เขา รู้เรา หากไม่รู้เขา ขอให้รู้เรา ก็ยังดี
บทความโดย : ภัทรจิตต์ ชุณหะวัต ที่มา : http://jobpub.com
|