ภาษีหัก ณ ที่จ่าย กรณีจ่ายรางวัล ส่วนลดหรือประโยชน์ใดๆจากการส่งเสริมการขาย

บทความนี้สรุปหลักเกณฑ์ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากรางวัล ส่วนลด หรือประโยชน์ที่เกิดจากการส่งเสริมการขาย พร้อมยกตัวอย่างสถานการณ์ที่ต้องหักภาษี เพื่อความเข้าใจในการปฏิบัติตามประมวลรัษฎากรอย่างถูกต้อง

หลักเกณฑ์เบื้องต้น

• ผู้ขายสินค้าต้องเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
• รายการที่จ่ายต้องเป็นเงินสนับสนุน ส่วนลด หรือประโยชน์อื่นที่เกิดจากการซื้อขายสินค้าระหว่างผู้ผลิต/จำหน่ายกับผู้แทนจำหน่ายที่นำสินค้าไปขายต่อ
• ต้องเป็นการให้รางวัลหรือส่วนลดหลังจากการขายสินค้าเสร็จสิ้น
• มูลค่าต้องไม่น้อยกว่า 1,000 บาท (ต่อครั้งหรือตามสัญญา)
• ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 3% ของมูลค่าที่จ่าย

ตัวอย่างรายการที่เข้าข่ายต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย

1. คูปองส่วนลดสินค้าแนบมากับผลิตภัณฑ์ที่นำส่งขอชดเชย
2. ค่าสิทธิประโยชน์หรือค่า Entrance Fee ที่จ่ายให้ร้านค้าสะดวกซื้อ
3. ค่าธรรมเนียมธนาคารในการค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงิน
4. ค่าชดเชยค่าโทรศัพท์เพิ่มจากการยกเลิกคลังสินค้า
5. เงินช่วยค่าขนส่งแก่ผู้แทนจำหน่ายที่มารับสินค้าเอง
6. เงินช่วยค่าก่อสร้างเพื่อจัดแสดงการใช้งานสินค้า
7. เงินช่วยค่าเดินทางและที่พักในการเข้าร่วมสัมมนา
8. ส่วนลดภายหลัง (Rebate) ในรูปแบบ Credit Note
9. ส่วนลดรายเดือนที่สรุปยอดจากใบแจ้งหนี้
10. เงินอุดหนุนการเคลียร์สต็อกสินค้าเก่า

แนวทางปฏิบัติ

ผู้จ่ายเงินในลักษณะดังกล่าวจะต้องดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตรา 3% ทุกครั้ง และออกหนังสือรับรองการหักภาษีให้แก่ผู้มีเงินได้ รวมถึงนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายต่อกรมสรรพากรภายในกำหนดเวลา เพื่อให้สามารถถือรายจ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ภาษีอากร

หากธุรกิจของท่านมีการจ่ายรางวัลหรือประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการขาย ควรตรวจสอบให้รอบคอบว่าเข้าข่ายต้องหักภาษีหรือไม่ และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากรเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดทางภาษี

ติดต่อสำนักงานบัญชี SML Audit

เบอร์โทรศัพท์: 080-553-7088
LINE: @smlaudit
Email: smlaudit@hotmail.com
เว็บไซต์: www.smlaudit.com