การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิชาชีพบัญชี
โดย ศรรัฐ โชติเวชการ [12-3-2004]
เราคุ้นเคยกันมานานว่า งานในวิชาชีพบัญชี นั้น แบ่งออกได้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ
ส่วนของผู้ทำบัญชี กับ ส่วนของผู้สอบบัญชี เฉพาะส่วนของผู้สอบบัญชี ก็มีกฎหมายตัวหนึ่งที่เรียกว่า
พ.ร.บ. ผู้สอบบัญชี พ.ศ. 2505 คอยควบคุมเขาอยู่
ทั้งสองส่วนนี้ เมื่อก่อนก็ถูกกำกับดูแล โดยกรมทะเบียนการค้า หลังจากปรับโครงสร้างฯ ก็เปลี่ยนชื่อและบทบาทมาเป็นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เริ่มกำหนดกฎเกณฑ์มากขึ้น สำหรับส่วนของผู้ทำบัญชี เช่น ต้องมีการขึ้นทะเบียนผู้ทำบัญชีและลงทะเบียนว่าใครเป็นผู้ทำบัญชีของกิจการใด
เท่านั้นยังไม่พอ ในเร็วๆ นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในวงการวิชาชีพบัญชี นั่นก็คือ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้สอบบัญชีหรือผู้ทำบัญชีจะถูกควบคุมโดยกฎหมายฉบับใหม่ ที่เรียกว่า พ.ร.บ. วิชาชีพบัญชี ซึ่งพรบ.นี้ถูกร่างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 แต่คาดกันว่าจะได้ฤกษ์ประกาศใช้ภายในปีนี้
หลักการคร่าวๆ ก็คือจะมีการถ่ายโอนอำนาจจากภาครัฐหรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปยังสภาวิชาชีพบัญชีซึ่งจะเป็นองค์กรของเอกชนที่จะถูกตั้งขึ้นหลังจาก พรบ.วิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2543 ประกาศใช้ นั่นก็หมายถึงว่าจะมีการโอนอำนาจการกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีได้แก่ ผู้สอบบัญชี ผู้ทำบัญชี ให้กับ สภาวิชาชีพบัญชีและต่อไปนี้นักบัญชีทุกคนต้องไปขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชีเพราะเขากำหนดให้วิชาชีพด้านการทำบัญชีเป็นวิชาชีพควบคุมด้วยจากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะการสอบบัญชีเท่านั้น
สรุปแล้วสาระสำคัญของสภาวิชาชีพบัญชีก็คือ
- กำหนดคำนิยาม “วิชาชีพบัญชี” ให้ให้ครอบคลุมวิชาชีพบัญชีทุกด้าน
- โอน อำนาจการกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีของภาครัฐ ไปให้แก่ภาคเอกชน
- ให้สภาวิชาชีพเป็นศูนย์รวมผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี
ถ้าเรามาพิจารณาดูด้านผลกระทบ
ผลกระทบต่อภาคราชการ จะมีการโอนส่วนอำนาจหน้าที่ของ ก.บช. เดิมไปให้กับสภาวิชาชีพบัญชี เช่น รับขึ้นทะเบียนออกใบอนุญาต พักใช้เพิกถอนใบอนุญาต เป็นต้น
ผลกระทบต่อกิจการทั่วไป สิ่งที่จะมีผลกระทบกับผู้ทำธุรกิจก็คือต่อไปนี้การกำกับดูแลทางด้านการทำบัญชีจะมีความเข้มข้นยิ่งขึ้นเพราะเขาจะเพิ่มบทลงโทษกับนักบัญชีที่ไม่มีจรรยาบรรณ ถึงขนาดถอนทะเบียนจากสภานักบัญชี
ดังนั้นท่านพอจะคาดหวังได้ว่า นักบัญชีซึ่งมีนิสัยระมัดระวังอยู่อย่างสุดกู่อยู่แล้ว จะยิ่งมีความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพราะความกลัวจะถูกถอนใบอนุญาต พวกเขาจะไม่ยอมขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชีให้กับกิจการที่ทำให้เขารู้สึกว่ามีความเสี่ยง
เพราะฉะนั้น กิจการต่างๆ ก็ต้องพลอยปรับตัวไปกับเขาด้วยการทำบัญชีให้มีความโปร่งใส ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีใครยอมทำบัญชีให้
ถ้าท่านเป็นเจ้าของกิจการที่ยังไม่แน่ใจในความโปร่งใส ในระบบบัญชีของท่าน วันนี้ท่านต้องเรียกนักบัญชีของท่านมาช่วยวางแผน เพื่อปรับตัวให้เร็วที่สุด เพราะพ.ร.บ.ฯ นี้ใกล้จะคลอดแล้ว มิเช่นนั้น ท่านจะต้องเดือดร้อน
เพราะในอนาคต ท่านจะหาคนที่จะยอมเป็นนักบัญชีให้ได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
ที่มา: http://www.thaiaccounting.com